การเจ็บท้องคลอดและการคลอด เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพื่อขับเด็ก รก และน้ำคร่ำออกจากโพรงมดลูกมาสู่ภายนอกเมื่อครบกำหนดโดยต่อมใต้สมองกลีบหลังจะหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งไปกระตุ้นให้มดลูกมีการบีบรัดตัวอย่างสม่ำเสมอและถี่ขึ้น เพื่อที่จะดันศีรษะของทารกในครรภ์ให้ลงไปอุ้งเชิงกรานมากขึ้นในขณะเดียวกันถุงน้ำคร่ำและศีรษะทารกในครรภ์จะช่วยทำให้ปากมดลูกขยายตัวมีมูกเลือดออกทางช่องคลอดซึ่งเป็นอาการอย่างหนึ่งที่บอกให้รู้ว่าเริ่มเข้าสู่ระยะเจ็บครรภ์แล้ว
การคลอดแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ ระยะที่ 1 เป็นระยะการเปิดขยายของปากมดลูกเริ่มตั้งแต่เจ็บครรภ์จริงปากมดลูกเริ่มเปิดเมื่อปากมดลูกเปิดเต็มที่ระยะนี้จะสิ้นสุดลงโดยใช้เวลาประมาณ 8-12 ชั่วโมงในครรภ์แรกและ 6-8 ชั่วโมงในครรภ์หลัง ระยะที่ 2 เป็นระยะที่ทารกในครรภ์ถูกขับออกจากโพรงมดลูกเริ่มตั้งแต่ปากมดลูกเปิดเต็มที่จนทารกคลอดออกมาทั้งตัวขณะที่ทารกเคลื่อนลงต่ำกดเบียดทวารหนักทำให้รู้สึกอยากเบ่งอุจจาระที่เรียกว่า "มีลมเบ่ง" ระยะนี้เป็นระยะที่มีกลไกของการคลอดเกิดขึ้น ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในครรภ์แรก และ 1 ชั่วโมงในครรภ์หลัง ระยะที่ 3 เริ่มตั้งแต่ทารกคลอดแล้วไปจนกระทั่งรกคลอด ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ไม่ว่าจะเป็นครรภ์แรกหรือครรภ์หลังๆ
การคลอดที่กล่าวมาแล้วนั้นถือว่าเป็นการคลอดปกติส่วนการคลอดที่ผิดปกติ ได้แก่ 1. การใช้เครื่องมือช่วยคลอด ถ้าระยะที่ 2 ของการคลอดไม่เป็นไปตามปกติ เช่น มดลูกบีบรัดตัวไม่ดีแรงเบ่งไม่ดีหรือแม่มีโรคบางอย่างที่ไม่สมควรให้เบ่งนาน ๆ เพราะจะเกิดอันตรายได้ต้องใช้เครื่องมือช่วยคลอดเครื่องมือที่ใช้มี 2 ชนิด คือ เครื่องสูญญากาศดูดศีรษะทารกและคีมจับศีรษะทารกซึ่งถ้าแพทย์ใช้อย่างถูกต้องจะไม่มีอันตรายต่อทารกแต่จะมีประโยชน์เพราะศีรษะทารกไม่ถูกกดบีบอยู่ในทางคลอดนานและช่วยให้แม่ไม่ต้องเบ่งมากอันจะเป็นอันตรายต่อทารก 2. การผ่าท้องคลอด หมายถึง การผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้องแทนการคลอดทางช่องคลอดอย่างปกติจะกระทำต่อเมื่อแพทย์เห็นว่าทารกไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ เช่น ขนาดของทารกกับช่องเชิงกรานไม่ได้สัดส่วนกันรกเกาะต่ำ หรือทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เป็นต้น หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่จำเป็นต้องรีบผ่าตัดเอาทารกออกมิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อมารดาและทารกในท้อง เช่น รกลอกตัวก่อนกำหนดภาวะพิษแห่งครรภ์ เป็นต้น การผ่าท้องคลอดนี้อาจทำก่อนเจ็บท้องหรือขณะเจ็บท้องก็ได้สุดแต่ข้อบ่งชี้ในการทำผ่าตัด
PREVIOUS
การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์
NEXT
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์